ชื่อแหล่งท่องเที่ยว
:
|
หมู่บ้านหัตถกรรมมีดอรัญญิก
|
ประเภทสถานที่ท่องเที่ยว
:
|
ศิลปะ
วัฒนธรรม และแหล่งมรดก
|
สถานที่ตั้ง :
|
หมู่ 6,7 ตำบลท่าช้าง
|
ประวัติความเป็นมา บ้านต้นโพธิ์ บ้านไผ่หนอง
เป็นหมู่บ้านที่มีประชาชนอาศัยอยู่อย่างหนาเเน่น ตั้งอยู่หมู่ที่
6 และ 7 ตำบลท่าช้าง อำเภอนครหลวง
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทั้งสองหมู่บ้านมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว
เพราะเป็นเเหล่งผลิตมีดที่ใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศที่ทำกันเป็นล่ำเป็นสันมาเกือบสองร้อยปี
กลุ่มชาติพันธุ์ ชาวบ้านต้นโพธิ์และชาวบ้านไผ่หนอง
รกรากถิ่นฐานเป็นชาวเวียงจันทน์ ประเทศลาว
ได้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยประมาณช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์
ซึ่งชาวเวียงจันทน์กลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีอาชีพทางช่าง มีช่างทำทองกับช่างตีเหล็ก คือ
คนไหนเเข็งเเรงก็ได้ตีเหล็ก คนไหนอ่อนแอมีความละเอียดให้ตีทองคำ
เครื่องอาภรณ์ประดับกาย การทำมาหากิน
ในสมัยนั้นอาชีพทั้งสองทำกันเป็นล่ำเป็นสันตลอดมา ครั้นต่อมาในราวพ.ศ.2365 อาชีพช่างทองก็ได้เลิกลาสลายตัวไป คงเหลือเเต่อาชีพตีมีดประเภทเดียว
ชาวบ้านจึงยึดอาชีพตีมีดเป็นอาชีพหลัก ไม่ได้ประกอบอาชีพอื่นปะปนเลย
ข้อสังเกตุที่เป็นหลักฐานว่าชาวเวียงจันทน์กลุ่มนี้มีอาชีพช่างทองคือ
ถ้าเรานำดินที่ชุมชนเเห่งนี้ลงร่อนในน้ำก็จะพบเศษทองและขี้ตะไบทองอยู่ทั่วไป
ความเป็นมาการตั้งถิ่นฐาน เหตุที่ชาวเวียงจันทน์กลุ่มนี้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยจะโดยถูกกวาดต้อนมาในสมัยเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกคราวยกทัพไปตีเมืองเวียงจันทน์หรือจะเป็นการอพยพมาเองนั้น
ไม่มีหลักฐานปรากฏชัดเจนเเต่มีหลักฐานบันทึกไว้ว่าเข้ามาโดยมีนายเทาเป็นผู้นำ
(ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “ขุนนราบริรักษ์”)
ได้เดินทางมาพบภูมิประเทศเเห่งนี้
เป็นที่เหมาะสมเเก่การประกอบอาชีพคือ เดิมเป็นดงไม้ไผ่ที่ขึ้นอยู่หนาเเน่น
มีหนองน้ำและแม่น้ำป่าสักไหลผ่าน สมัยนั้นไม่มีถนนหนทางเหมือนปัจจุบันนี้
ต้องอาศัยทางน้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการคมนาคมโดยเฉพาะ
ไม้ไผ่เป็นวัสดุที่สำคัญมากสำหรับช่างตีมีด
เพราะไม้ไผ่มีประโยชน์อยู่ในตัวของมันนานับประการ เช่น นำมาเผาถ่านใช้เผาเหล็ก
เพราะถ่านไม้ไผ่ให้ความร้อนสูงกว่าไม้ชนิดอื่น ต้น ลำ ใช้ทำบ้านเรือน ที่อยู่อาศัย
ทำด้ามพะเนิน ด้ามค้อนเเละด้ามมีด ซึ่งช่างตีเหล็กต้องใช้อยู่เป็นประจำ
จึงเห็นว่าภูมิประเทศเเห่งนี้เป็นอู่ข้าวอู่น้ำเเหล่งทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์จึงพร้อมใจกันลงหลักปักฐานเเละได้ประชุมหารือกันตั้งชื่อบ้านของตนว่า
“บ้านไผ่หนอง” ให้เป็นการเหมาะสมกับภูมิประเทศเเต่ก่อนนั้น
สำหรับบ้านต้นโพธิ์ คนเก่าคนเเก่เล่าว่า เมื่อมาถึงทำเลนี้มีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่กลางหมู่บ้านจึงตั้งชื่อว่า
“บ้านต้นโพธิ์” ครั้นกาลเวลาล่วงมาบ้านเมืองเจริญขึ้นสภาพของหมู่บ้านก็ได้เปลี่ยนเเปลงไป
ดงไม้ไผ่ที่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นก็โล่งเตียนกลายเป็นท้องไร่ท้องนา
หนองน้ำก็ตื้นเขินไปหมดเเล้ว
เกียรติประวัติของชุมชน
สมัยรัชกาลที่ 3 เเผ่นดินสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อราวพ.ศ.2369 เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์เสด็จมาถวายพระเพลิง พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้มาขอให้ชาวเวียงจันทน์กลับประเทศ เเต่ชาวเวียงจันทน์กลุ่มนี้ไม่ยอมกลับขออยู่ใต้ร่มโพธิสมภาร เพราะพระองค์ให้ความผาสุขร่มเย็น พสกนิกรของพระองค์ตลอดมาก็มีความเจริญรุ่งเรืองมาเป็นลำดับ ชื่อเสียงการตีมีดก็เลื่องลือไปทั่วสารทิศ ชาวบ้านจึงมีฐานะที่มั่นคง มีการอยู่ดีกินดี ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของล้นเกล้าล้นกระหม่อม
สมัยรัชกาลที่ 3 เเผ่นดินสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อราวพ.ศ.2369 เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์เสด็จมาถวายพระเพลิง พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้มาขอให้ชาวเวียงจันทน์กลับประเทศ เเต่ชาวเวียงจันทน์กลุ่มนี้ไม่ยอมกลับขออยู่ใต้ร่มโพธิสมภาร เพราะพระองค์ให้ความผาสุขร่มเย็น พสกนิกรของพระองค์ตลอดมาก็มีความเจริญรุ่งเรืองมาเป็นลำดับ ชื่อเสียงการตีมีดก็เลื่องลือไปทั่วสารทิศ ชาวบ้านจึงมีฐานะที่มั่นคง มีการอยู่ดีกินดี ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของล้นเกล้าล้นกระหม่อม
สมัยรัชกาลที่ 5 แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระองค์ทรงทราบว่าบ้านต้นโพธิ์ บ้านไผ่หนองเป็นหมู่บ้านตีมีด
พระองค์พร้อมด้วยพระบรมวงศ์ศานุวงศ์ได้เสด็จทอดพระเนตรการตีมีดของชาวเวียงจันทน์กลุ่มนี้
จึงได้ปลูกพลับพลาที่ประทับอย่างสมพระเกียรติ
เเละได้เกณฑ์ชาวบ้านมาทำการตีมีดให้พระองค์ทรงทอดพระเนตร
พระองค์ท่านสนพระทัยเเละทรงพอพระราชหฤทัยเป็นอันมาก
ในสมัยรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ทรงเสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์
ทรงทอดพระเนตรการทำมีดอรัญญิก เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ .2519
เเละเมื่อปีพ.ศ.2531 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี เสด็จนำนักเรียนโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ
มาทอดพระเนตรการตีมีดเเละเมื่อปี พ.ศ 2537 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญาฯ
ทรงนำครอบครัวมาทัศนศึกษาการตีมีดที่ชุมชนเเห่งนี้เช่นกัน
ที่มาของคำว่ามีดอรัญญิก ในสมัยก่อนมีตลาดร้านค้า
มีโรงบ่อน อยู่ที่บ้านอรัญญิก ตำบลปากท่า อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านต้นโพธิ์เเละหมู่บ้านไผ่หนองมากนัก ระยะทางประมาณ 3
กิโลเมตร
มีผู้คนนำสินค้ามาซื้อขายเเลกเปลี่ยนกันมากในยุคนั้นชาวบ้านก็นำเอามีดไปขาย
เมื่อคนที่ซื้อไปใช้เห็นว่าคุณภาพดีจึงบอกต่อๆกันไปว่ามีดคุณภาพต้องมีดอรัญญิก
เลยเรียกติดปากไปหาซื้อมีดต้องไปที่อรัญญิก ที่จริงเเล้วทำที่หมู่บ้านต้นโพธิ์
หมู่บ้านไผ่หนองเเละหมู่บ้านอื่นๆ ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า “มีดอรัญญิก”
ลักษณะทั่วไปของผลิตภัณฑ์มีดอรัญญิก มีอยู่ด้วยกัน 4 ตระกูล ได้แก่มีดตระกูลเกษตรกรรม มีดตระกูลคหกรรม มีดตระกูลอาวุธ
และมีดตระกูลอื่นๆ แต่ละตระกูลสามารถจำแนกตามการใช้งานได้อีก 12 ประเภท ซึ่งในแต่ละประเภทประกอบไปด้วยชนิดของมีดต่างๆ อีกมากมาย
หลากหลายไปตามขนาดและความแตกต่างของวัสดุที่ใช้ในการผลิตของชิ้นส่วนและองค์ประกอบต่างๆ
ซึ่งจากการศึกษาปรากฏว่ามีถึง 274 ชนิด
ประเพณีเเละวัฒนธรรม มีประเพณีเเละวัฒนธรรมที่ได้ถือปฏิบัติสืบทอดต่อๆกันมาตั้งเเต่สมัยบรรพบุรุษ คือ งานมาฆบูชา บุญวิสาขบูชา บุญเข้าพรรษา บุญกฐิน บุญตักบาตรดอกไม้ บุญสงกรานต์ บุญเข้าสลาก บุญออกพรรษา บุญมหาชาติ เป็นต้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นประเพณีเเละวัฒนธรรมของชนชาติไทยทั่วไปที่ปฏิบัติกันมาเป็นประจำ เเต่ยังมีประเพณีหนึ่งที่ขาดไม่ได้เป็นประเพณีที่น่าประทับใจของชุมชนฯ เเละถือว่าเป็นประเพณีที่สำคัญมากคือ การไหว้ครู หรือไหว้ครูบูชาเตา ซึ่งปกติเเล้วจะทำกันทุกหมู่บ้าน เมื่อทำบุญบำเพ็ญกุศล ตรุษเเละสงกรานต์ ผู้ใหญ่จะประชุมหารือกำหนดวันไหว้ครู ส่วนมากกำหนดวันข้างขึ้นเดือนหกตรงกับวันพฤหัสบดีเมื่อหารือกันดีเเล้วทุกบ้านจะลงมือซ่อมเเซมเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆให้เรียบร้อยก่อนกำหนดหนึ่งหรือสองวันเเละทำความสะอาดเครื่องมือเเล้วนำมาวางไว้ในที่อันสมควร เตาเผาเหล็กจะต้องปั้นขึ้นใหม่ เเละจัดเตรียมเครื่องสังเวยไหว้ครูอย่างครบครัน มีเครื่องบูชาพระพุทธเเต่งเป็นขันห้า พอรุ่งอรุณของวันพฤหัสบดี เขาจะนำเครื่องบูชาเเละอาหารคาวหวานเป็นเครื่องบูชา บูชาพระภูมิ เเม่ธรณี ส่วนเครื่องสังเวยต่างๆที่ได้ตระเตรียมไว้จะต้องนำมาวางไว้ที่เครื่องมือ เเล้วจัดทำพิธีสวดโองการเชิญเทพเจ้ามาเป็นศิริมงคล เเล้วผู้ใหญ่ในเรือนนั้นจะเรียกลูกหลานมาบูชากราบไหว้ ขอพรอันศักดิ์สิทธิ์อันเป็นศิริมงคลเเก่ทุกคน สำหรับในวันนั้นทุกบ้านจะต้อนรับทุกคนที่มาเยือน ชุมชนเเห่งนี้ยังรักษาประเพณีนี้ไว้ นับเป็นประเพณีอันดีงามในวันนั้นเขาถือว่าเป็นมงคล เรื่องอัปมงคลจะไม่เกิดขึ้นเลย
ประเพณีเเละวัฒนธรรม มีประเพณีเเละวัฒนธรรมที่ได้ถือปฏิบัติสืบทอดต่อๆกันมาตั้งเเต่สมัยบรรพบุรุษ คือ งานมาฆบูชา บุญวิสาขบูชา บุญเข้าพรรษา บุญกฐิน บุญตักบาตรดอกไม้ บุญสงกรานต์ บุญเข้าสลาก บุญออกพรรษา บุญมหาชาติ เป็นต้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นประเพณีเเละวัฒนธรรมของชนชาติไทยทั่วไปที่ปฏิบัติกันมาเป็นประจำ เเต่ยังมีประเพณีหนึ่งที่ขาดไม่ได้เป็นประเพณีที่น่าประทับใจของชุมชนฯ เเละถือว่าเป็นประเพณีที่สำคัญมากคือ การไหว้ครู หรือไหว้ครูบูชาเตา ซึ่งปกติเเล้วจะทำกันทุกหมู่บ้าน เมื่อทำบุญบำเพ็ญกุศล ตรุษเเละสงกรานต์ ผู้ใหญ่จะประชุมหารือกำหนดวันไหว้ครู ส่วนมากกำหนดวันข้างขึ้นเดือนหกตรงกับวันพฤหัสบดีเมื่อหารือกันดีเเล้วทุกบ้านจะลงมือซ่อมเเซมเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆให้เรียบร้อยก่อนกำหนดหนึ่งหรือสองวันเเละทำความสะอาดเครื่องมือเเล้วนำมาวางไว้ในที่อันสมควร เตาเผาเหล็กจะต้องปั้นขึ้นใหม่ เเละจัดเตรียมเครื่องสังเวยไหว้ครูอย่างครบครัน มีเครื่องบูชาพระพุทธเเต่งเป็นขันห้า พอรุ่งอรุณของวันพฤหัสบดี เขาจะนำเครื่องบูชาเเละอาหารคาวหวานเป็นเครื่องบูชา บูชาพระภูมิ เเม่ธรณี ส่วนเครื่องสังเวยต่างๆที่ได้ตระเตรียมไว้จะต้องนำมาวางไว้ที่เครื่องมือ เเล้วจัดทำพิธีสวดโองการเชิญเทพเจ้ามาเป็นศิริมงคล เเล้วผู้ใหญ่ในเรือนนั้นจะเรียกลูกหลานมาบูชากราบไหว้ ขอพรอันศักดิ์สิทธิ์อันเป็นศิริมงคลเเก่ทุกคน สำหรับในวันนั้นทุกบ้านจะต้อนรับทุกคนที่มาเยือน ชุมชนเเห่งนี้ยังรักษาประเพณีนี้ไว้ นับเป็นประเพณีอันดีงามในวันนั้นเขาถือว่าเป็นมงคล เรื่องอัปมงคลจะไม่เกิดขึ้นเลย
เมื่อเอ่ยถึงมีดพื้นบ้านชั้นดี
ตีด้วยเหล็กเนื้อเหนียว แกร่ง ทั้งคมกริบเหมาะแก่การใช้สอยหลายรูปแบบ
หลายคนคงจะนึกถึง “ มีดอรัญญิก ” ที่ซื้อมาจากหมู่บ้านชื่อเดียวกันนี้ในเขตอำเภอท่าเรือ
จังหวัดพระนครศรีอยุธยาแต่น้อยคนจะทราบว่า
แท้ที่จริงแล้วบ้านอรัญญิกหาได้เป็นแหล่งผลิตมีดอรัญญิกไม่
หากแต่เป็นที่ตั้งร้านตลาด และ
โรงบ่อนการพนันที่คนในละแวกใกล้เคียงมาเที่ยวหาความสำราญ และจับจ่ายซื้อหาสินค้านานาชนิดมาแต่ก่อน
หนึ่งในสินค้าขึ้นชื่อคือมีดที่ชาวบ้านไผ่หนองและบ้าน ต้นโพธิ์ อำเภอนครหลวง
ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ลงไปตามลำน้ำป่าสักราว ๒ กิโลเมตร เป็นผู้ผลิตและนำมาขาย
ด้วยความที่มีดเหล่านั้นคมกริบใช้ทน ผู้ซื้อจึงได้ร่ำลือกันต่อ ๆ
ไปถึงคุณภาพของมีดที่ซื้อจากตลาดอรัญญิกซึ่งเรียกกันติดปากว่า “ มีดอรัญญิก ”
นอกจากจะนำมีดไปขายที่บ่อนอรัญญิกแล้ว
เมื่อถึงเทศกาลนมัสการ พระพุทธบาท สระบุรี ราวเดือน 3 ถึงเดือน 4 ซึ่งมีผู้คนจากจังหวัดต่าง ๆ
เดินทางไปแสวงบุญเป็นจำนวนมาก บรรดาช่างตีมีดจะรวบรวมมีดที่ตนตีได้ไปขายในงานที่ พระพุทธบาทเป็นประจำทุกปี
พวกที่ไม่ได้ไปก็ปลูกโรงตีเหล็กขายมีดกันตามริม แม่น้ำป่าสัก
ซึ่งเป็นทางผ่านของผู้ที่จะไปนมัสการพระพุทธบาทกิตติศัพท์ของ มีดอรัญญิก
จึงระบือไปไกลขนาดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ
ยังได้เสด็จไปทอดพระเนตรการตีมีดของช่างในหมู่บ้านทั้งสองดังที่หลายครั้งหลายคราด้วยกัน
แม้บ่อนการพนันที่บ้านอรัญญิกจะถูกปิดไปในสมัยรัชกาลที่ 5 ทำให้ตลาดที่นั่นซบเซามาก
แต่ชาวบ้านไผ่หนองและบ้านต้นโพธิ์ก็ยังคงตี “ มีดอรัญญิก ”
สืบมาจนทุกวันนี้
ตามประวัติบรรพบุรุษของชาวบ้านทั้งสองแห่งนี้เป็นชาวลาวจากเวียงจันทร์ที่อพยพเข้ามาหาแหล่งทำกินตั้งแต่สมัยรัชกาลที่
2 ส่วนใหญ่เป็นช่างตีเหล็ก
เมื่อเดินทางมาพบทำเลที่เหมาะสมมีหนองน้ำ และแม่น้ำป่าสักไหลผ่านมีป่าไผ่
อันเป็นวัสดุสำคัญในการทำมีดถือเป็นเชื้อเพลิงที่ให้ความร้อนสูงใช้ในการตีเหล็กและยังใช้ทำด้ามพะเนิน
( ค้อนขนาดใหญ่ใช้ตีเหล็ก ) ด้ามมีด ได้เป็นอย่างดีด้วย จึงได้ตั้งหลักปักฐาน
และยึดอาชีพตีเหล็กหาเลี้ยงชีพมานับกระนั้นมา
ในอดีต
ช่างตีเหล็กมีความสำคัญต่อชุมชน เกษตรกรเป็นอย่างยิ่งนอกเหนือจากการตีมีดชนิดต่างๆ
อาทิ มีดขนาดเล็กที่ใช้ในครัวเรือน ดาบและพร้าแล้ว ชาวบ้านไผ่หนองและบ้านต้นโพธิ์เคยรับทำจอบ
เสียม ผาล ( เหล็กสำหรับสวมหัวหมูของไถ ) และใบเคียวเกี่ยวข้าว
ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำไร่ไถ่นา ทุกปีก่อนฤดูกาลทำนา
จึงมีชาวบ้านจากหมู่บ้านต่างๆ ในละแวกใกล้เคียงมาเลือกซื้อเครื่องมือของตน
หรือเครื่องมือของตนมาซ่อมแซมที่หมู่บ้านทั้งสองนี้เป็นประจำ
ปัจจุบัน
ทั้งสองหมู่บ้านยังคงตีเหล็กเป็นอาชีพหลักโดยตีมีดเสียเป็นส่วนใหญ่เพราะชาวนาต่างหันไปใช้รถไถ
และรถเกี่ยวข้าวแทนเครื่องมือแบบดั้งเดิมกันแทบทั้งสิ้น
มีดอรัญญิก ทำที่หมู่บ้านต้นโพธิ์ และบ้านไผ่หนอง
ตำบลท่าช้าง อำเภอ นครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
แต่มีดที่ทำออกจำหน่ายกลับมีชื่อว่า มีดอรัญญิก ซึ่งมันชื่อหมู่บ้าน
อีกแห่งที่ไม่มีการทำมีดเลย เนื่องจากในสมัยก่อนชาวบ้านต้นโพธิ์และชาวบ้านไผ่หนอง
นำมันไปขายที่โรงบ่อนอรัญญิก คนที่ซื้อไปใช้จึงเรียกว่า มีดอรัญญิก
วัสดุที่ใช้ทำมีด ประกอบด้วย ตัวมีด
ทำด้วยเหล็กแข็งและเหนียว ซึ่งแบ่งเป็น 4 ชนิด คือ
- เหล็กเส้น หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเหล็กตราม้า ใช้ทำมีดขอ มีดดาบ มีดเสียม
มีดกะเทาะบัว มีดโต้
- เหล็กวง เป็นเหล็กชนิดยาว
เหมาะแก่การทำมีดที่มีเส้นบางและความหนาสม่ำเสมอตลอดเล่ม เช่น มีดหมู มีดโต๊ะ
มีดพับ
- เหล็กขาว หรือเหล็ก Stainless ใช้ทำมีดโต๊ะ มีดบาง
และมีดคว้านผลไม้
- เหล็กแหนบรถยนต์และเศษเหล็ก
การนำเหล็กเหล่านี้ไปใช้คิดแปลงเป็นมีดนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะมีดและขนาดของเหล็ก
เช่น มีดกะเทาะบัว และมีดอีโต้ ที่มีความหนามาก ก็ต้องใช้เหล็กแหนบชนิดหนามาตัดแต่งขึ้นเป็นรูป
ส่วนเศษเหล็ก ถูกนำมาใช้ เฉพาะผู้ผลิตที่ไม่คำนึงถึงคุณภาพ
ปลอกมีด ทำจากวัสดุ 2 ชนิด คือ เหล็กแป๊บดำ เส้นผ่าศูนย์กลาง “ 1” ยางท่อนละ
6 เมตร และเศษเหล็กที่เหลือจากการตัดเหล็กวงด้าม มีด้ามไม้
สำหรับมีดอีโต้ หรือเสียมดายหญ้า นิยมใช้ไม้เนื้อแข็งส่วนใหญ่เป็นไม้ประดู่
ด้ามอลูมิเนียม นิยมทำเฉพาะมีดโต๊ะ มีดบาง
และมีดหมูเท่านั้น
ด้ามไม้ไผ่ นิยมใช้ไผ่ป่าเพราะข้างในตัน
ด้ามเขา ใช้เขาควาย ใช้ทำมีดขนาดเล็ก
อุปกรณ์นอกจากนี้ยังมีถ่าน
นิยมใช้ถ่านไม้ไผ่หรือไม้รวกเพราะร้อนเร็วและ ไม่ประทุ ทองเหลืองใช้ทำคอมีด
หมุดลวดสังกะสีใช้ตอกยึดคอทองเหลือง หรือ ห้ามเข้ากับตัวกั่นมีด กาวแผ่น
กากเพชรใช้ สำหรับทาลูกขัด น้ำมันมะพร้าว สำหรับ ทามีดกันสนิม
แชคแลคหรือแลคเกอร์สำหรับทาด้ามไว้ กระดาษทรายและเกลือ
วิธีการทำมีด
มีขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่
๑ นำเหล็กที่จะมาทำมีดตัดให้เป็นท่อนให้ได้ขนาดความต้องการ
ขั้นที่
๒ นำท่อนเหล็กเข้าเตาแล้วใช้สูบลมเป่าถ่าน
จนเหล็กแดงสุกตามต้องการ
ขั้นที่
๓ นำเหล็กที่เผาจนแดงสุกดีแล้ว
วางบนทั่งแล้วตีด้วยพะเนินเหล็กขนาดใหญ่
ซึ่งต้องใช้แรงงานคน
๓ คน เหวี่ยงพะเนินเหล็กคนละลูกตีโดยเร็วขณะที่
เหล็กยังร้อนอยู่เมื่อเหล็กเย็นเอาเข้าเตาเผาจนร้อนแดง
แล้วเอาขึ้นมาตีอีก
ทำอย่างนี้ประมาณ
๓ หนจึงได้หุ่นมีดที่ต้องการ งานขั้นนี้เรียกว่า ตีหุ่น
ขั้นที่
๔ นำหุ่นมีดเข้าเผาในเตาให้ร้อนแดงอีกครั้ง
แล้วนำมาวางบนทั่งใช้ค้อนทุบ
ให้เนื้อเหล็กเรียบ
ภาษาช่างทำมีดเรียกว่า “ ซ้ำ ”
ขั้นที่
๕ นำหุ่นมีดที่ทำเรียบร้อยแล้วมา
“ ไห่ ” หรือ “ รำเรียบ ” คือ การใช้ค้อนทุบ
ตัวมีดให้เนื้อเหล็กแน่นและเรียบยิ่งขึ้น
ขั้นที่
๖ นำตัวมีดที่
“ ไห่ ” แล้วมาแต่งเข้ารูป
ขั้นที่
๗ นำตัวมีดที่เข้ารูปเรียบร้อยแล้วมา
“ พาน ” คือ การใช้ตะไบหรือหินไฟ
แต่งคมมีดให้คม
ขั้นที่
๘ น้ำมันที่
“ พาน ” แล้วไป “ ขูดขาว ” คือใช้เหล็กกล้าคมขูดให้เรียบร้อยและ
หมดสนิม
ขั้นที่
๙ ใช้โคลนผสมกับเกลือป่นทาส่วนที่เป็นคมมีดไว้
กรรมวิธีเป็นเทคนิคพิเศษ
ที่จะทำให้มีดมีความคงทน
แล้วนำเข้าเตาเผาอีกครั้งด้วยเวลาและความร้อน
ตามความชำนาญของแต่ละคน
เมื่อเผาได้ที่แล้วนำออกมา “ ชุบ ” ลงในน้ำ
ทันที
กรรมวิธีการชุบมีดมีความสำคัญต่อคุณภาพของมีดมาก มีดที่ชุบด้วย
ช่างที่มีความชำนาญจริงๆ
จะมีความคมทนทาน ไม่บิ่นหรือย่นยู่ง่าย
ขั้นที่
๑๐ การเข้าด้ามมีดให้สวยงาม
และเหมาะสมกับชนิดและขนาดของมีด
แล้วนำไปลับกับหินละเอียดให้คมจนได้ที่
เป็นอันเสร็จกรรมวิธีการทำมีด
ปัจจุบันมีการพัฒนาใช้กำลังไฟฟ้ามาแทนแรงคนในการสูบลมเป่าถ่าน
โดย
ชาวบ้านประดิษฐ์เครื่องมือเองไม่มีใครทำขาย
พิธีไหว้ครูบูชาเตา
เป็น
“ พิธีไหว้ครู ” ช่างตีมีดตีดาบ
ของชาวบ้านต้นโพธิ์ บ้านไผ่หนอง และบ้านสาไล ตำบลท่าช้าง อำเภอนครหลวง
ซึ่งมีอาชีพในการตีมีดเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า “ มีดอรัญญิก
”
บรรพชนของชาวบ้านไผ่หนองและบ้านต้นโพธิ์
ตำบลท่าช้าง อำเภอนครหลวงนั้นเป็นชาวเวียงจันทน์ เข้ามาตั้งรกรากอยู่ตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์
มีอาชีพในการตีทองและตีเหล็ก
แต่ต่อมาเลิกการตีทองจึงเหลือแต่การตีเหล็กเพียงอย่างเดียว เหล็กที่
ตีนี้ส่วนใหญ่ทำเป็นมีด ดาบ และอาวุธ ตลอดจนเครื่องใช้อื่น ๆ
ซึ่งมีคุณภาพดีมากเมื่อทำเสร็จแล้วก็นำมาขายที่หมู่บ้านอรัญญิก ตำบลปากท่า
อำเภอท่าเรือ จึงเรียกว่า “ มีดอรัญญิก ” สิ่งที่ชาวตำบลท่าช้างทุกคนยังคงถือสืบต่อกันมาตามขนบประเพณีเดิมคือการ
“ ไหว้ครูบูชาเตา ” ซึ่งทุกบ้านจะจัดบูชาในวันพฤหัสบดีช่วงเช้าตรู่ของวันขึ้น
7 ค่ำ 9 ค่ำ ฯลฯ เดือน 5 ( ประมาณเมษายน - พฤษภาคม ) ตามแต่ความสะดวก เพื่อระลึกถึงพระคุณครูบาอาจารย์
และเพื่อความเป็นสิริมงคลของตน ทั้งยังเป็นการปัดเป่า อุปัทวเหตุต่าง ๆ
ในการตีเหล็กอีกด้วย พอได้เวลา
ผู้ทำพิธีไหว้ครูก็จะกล่าวบทชุมนุมเทวดาไหว้พระรัตนตรัย
จากนั้นก็จะกล่าวบทอัญเชิญครูบาอาจารย์ทั้งหลาย อันได้แก่ พระอิศวร พระนารายณ์
พระพรหม พระวิษณุกรรม พระมาตุลี พระพาย พระคงคา พระฤๅษี 8 องค์
ฯลฯ ตลอดจนบูรพาจารย์ทั้งครูไทย ครูลาว ครูมอญ ครูจีน
ที่ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาตีเหล็กให้แก่ตน มารับเครื่องบูชาสังเวย และประสาทพร
แก่ผู้เข้าร่วมพิธีให้ประสบแต่ความสุขความความเจริญ แล้วปิดทองเครื่องมือทุกชิ้น
ทำน้ำมนต์ธรณีสารประพรมเครื่องมือและผู้เข้าร่วมพิธี
ผลิตภัณฑ์มีดอรัญญิก
ดาบน้ำพี้ขนาดใหญ่
มีดยาว 90 เซนติเมตร ดาบโบราณ ดาบน้ำพี้ขนาดกลาง มีดยาว 70 เซนติเมตร ดาบโบราณ มีดตัดหวายพร้อมแท่นมุก ใช้ในพิธีตัดหวายลูกนิมิต มีขนาด 9 นิ้ว พระขรรค์พร้อมแท่นมุก เป็นมีดหมอสำหรับทำพิธีไล่ผี
ขนาด 7 นิ้ว
มีดซามูไรรมดำด้ามเชือก มีดแรมโบ้ด้ามเชือก
เดินทางอย่างไร :
โดยทางอื่น
ปัจจุบันการเดินทางสะดวกมาก
มีรถยนต์วิ่งถึงหมู่บ้านโดยจะต้องเดินทาง เข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
จะมีรถประจำทางจอดอยู่ที่ตลาดเจ้าพรหม จะเห็นป้ายติดหน้ารถว่า “ อยุธยาถึงท่าเรือ” รถจะออกจากตัวเมืองไปทางถนนสายเอเชีย
(ทางหลวงเเผ่นดินหมายเลข ๓๒) เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสายเอเชียไปทางจังหวัดนครสวรรค์
เลยโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชฯไปประมาณ๑๐๐เมตร
เลี้ยวซ้ายลอดใต้สะพานที่จะข้ามเเม่น้ำป่าสัก เข้าถนนสายอำเภอนครหลวง
ตลอดทางมีป้ายบอกที่ตั้งชุมชนฯ ทั้งสองเป็นระยะ
หรือถ้าต้องการจะเดินทางไปโดยทางน้ำ จะต้องลงเรือในตัวจังหวัดที่หน้าวังจันทรเกษม
ย้อนขึ้นไปตามเเม่น้ำป่าสัก ผ่านโรงงานวัตถุระเบิดช่างเเสง